วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

คำศัพท์ทางประวัติศาสตร์

คำศัพท์ทางประวัติศาสตร์

1. เงินศึกษาพลี คือ เงินที่เก็บจากชายฉกรรจ์ อายุระหว่าง 18-60 ปี คนละ 1-3 บาท เพื่อบำรุงการศึกษาภาคบังคับตามพ.ร.บ.ประถมศึกษา พ.ศ.2464 เงินศึกษาพลีเก็บมาจนถึงสมัยร.7 แล้วยกเลิกในปี พ.ศ.2473

2. จิ้มก้อง คือ การค้าระบบบรรณาการ เป็นการเจริญทางพระราชไมตรีกับจักรพรรดิจีน โดยส่งเครื่องราชบรรณาการไปถวาย เพื่อขอรับเอาสถานะและเป็นใบเบิกทางอำนวยความสะดวกในการติดต่อค้าขายกับจีน ไม่ให้ถูกขุนนางจีนกีดกั้น

3. นโยบายสนลู่ลม คือ นโยบายโอนอ่อนตามความต้องการของมหาอำนาจ ซึ่งเห็นได้จากการที่ร.5 ทรงยอมสละดินแดนบางส่วนให้อังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งเป็นการสละส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ไว้

4. พระคลังข้างที่ คือ หน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ รวมทั้งกิจการที่เกี่ยวกับการลงทุนทางเศรษฐกิจ ปัจจุบัน เรียกว่า สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

5. พัทธยา คือ ทรัพย์สินที่ยึดหรือริบเป็นของหลวง รวมถึงบ่าวไพร่ของผู้กระทำผิด การยึดทรัพย์นั้นเรียกว่า ริบราชบาตร

6. สมุดปกขาว คือ พระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่7 ที่ทรงตอบโต้คณะรัฐมนตรีและไม่ยอมรับเค้าโครงเศรษฐกิจของนายปรีดี พนมยงค์

7. หลวงยกกระบัตร คือ ตำแหน่งข้าราชการในสังกัดกรมวังที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีหน้าที่เป็น “ผู้ตรวจราชการ” คือออกไปสอดส่องดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าเมือง ปัจจุบันตำแหน่งนี้เทียบได้กับพนักงานอัยการ

8. ขบวนการสวาเทสิ คือ แนวคิดของท่านมหาตมะ คานธีที่ให้ชาวอินเดียเลิกใช้สินค้าของตะวันตกและหันมาใช้สินค้าของอินเดียเอง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า

9. นิติธรรมนิยม หรือฟาเจีย เกิดขึ้นในปลายราชวงศ์โจว มีแนวคิดว่าโดยธรรมชาตินั้นมนุษย์เลว ต้องมีกฎหมายที่รุนแรงควบคุม

10. สัตยาเคราะห์ คือ วิธีการต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยมด้วยสันติวิธี นำโดยท่านมหาตมะ คานธี ซึ่งเป็นการยึดมั่นในสัจจะ การมีจิตใจเข้มแข็งที่จะฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆโดยไม่หวาดหวั่น ขณะเดียวกันก็ต้องมีจิตใจสุภาพอ่อนน้อม ถ่อมตัวด้วย

คำศัพท์ทางภูมิศาสตร์

คำศัพท์ทางภูมิศาสตร์

1. การพัฒนาที่ยั่งยืน คือ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อสงวนไว้ให้คนรุ่นหลังได้มีโอกาสใช้ต่อไป

2. กีเซอร์ คือ น้ำพุร้อนที่มีก๊าซและไอน้ำพุ่งขึ้นมา เช่น กีเซอร์ที่อุทยานแห่งชาติเยลโลสโตนในสหรัฐอเมริกา ไวรัสกีเซอร์ที่นิวซีแลนด์

3. ที่ราบลูกฟูก คือ ที่ราบซึ่งมีเนินเขาเตี้ยๆ สลับไม่ราบทั้งหมด เช่น ที่ราบภาคกลางตอนบนเป็นเขตที่ราบลูกฟูก คือเป็นเนินเขาสลับกับที่ราบ

4. ทะเลอาณาเขต คือ น่านน้ำระหว่างรัฐชายฝั่งกับทะเลหลวงหรือน่านน้ำสากล ซึ่งถือว่าอยู่ในอำนาจการปกครองของรัฐชายฝั่งนั้น ปัจจุบันกำหนดให้ทะเลอาณาเขตอยู่ห่างจากรัฐชายฝั่งไม่เกิน 12  ไมล์ทะเล

5. แผนที่โคโรเพลท คือ แผนที่แสดงลักษณะทางประชากรเฉลี่ยของพื้นที่แต่ละหน่วย โดยใช้สีเป็นสัญลักษณ์ เช่น ความหนาแน่นของประชากรในเมืองA มากกว่า เมืองB สีที่ใช้ก็จะเข้มกว่า

6. ร่องน้ำลึก คือ ร่องน้ำที่มีความต่อเนื่องกันในแม่น้ำ โดยเป็นร่องน้ำที่ลึกที่สุด

7. ลมข้าวเบา คือ ลมที่พัดในช่วงต้นฤดูหนาว (ก.ย.-พ.ย.) มีลมเย็นพัดจากตอนบนลงไปตามลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพราะตอนบนของภาคมีอากาศเย็นและความกดอากาศสูงกว่าอากาศเหนือพื้นน้ำอ่าวไทย

8. เลิสส์ คือ ที่ราบดินเลิสส์หรือที่ราบดินลมหอบ เช่น ที่ราบในเขตทุ่งหญ้าปัมปัสในประเทศอาร์เจนตินา ที่ราบดินลมหอบสีเหลืองบริเวณลุ่มแม่น้ำฮวงโห

9. ฮอร์สต์ คือ พื้นที่ส่วนที่ยกสูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นที่ราบสูงหรือภูเขาบล็อก เช่น เทือกเขาเซียราเนวาดาในสเปน, เทือกเขาแบล็กฟอร์เรสในเยอรมันตอนใต้

10. เอกนคร คือ เมืองใหญ่อันดับ1 ของประเทศ ที่มีจำนวนประชากรแตกต่างจากเมืองในอันดับรองลงไปอย่างเห็นได้ชัด

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ใบงานที่2 บทความ เรื่อง มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

Martin Luther King, Jr.

บุรุษผู้ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน


บุคคลที่ทั่วโลกยกย่องให้เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง
บุคคลที่คำพูดของเขายังคงเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก
บุคคลที่ได้รับรางวัลโนเบล สาขา สันติภาพ ที่อายุน้อยที่สุด ด้วยวัยเพียง 35 ปีเท่านั้น

     คิง เกิดเมื่อวันที่ 15 มกราคม ค.ศ.1929 ที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
คิงเป็นบุตรชายของพระแบปติส ผู้ซึ่งเป็นศาสนาจารย์ในนิกายแบปติส ส่วนมารดาชื่อ อัลเบิร์ตา วิลเลี่ยม เป็นครูสอนหนังสือ คิงมีพี่น้องทั้งหมด 3 คน คิงเป็นคนกลาง
     
     ทั้งพ่อและตาของคิงต่างเป็นผู้นำรุ่นแรกๆ ที่มีบทบาทในการต่อต้านความไม่เท่าเทียมกันที่มีต่อคนผิวดำ และช่วงที่คิงเกิด เป็นช่วงที่ปัญหาสิทธิพลเมืองและการแบ่งแยกผิวระหว่างคนผิวดำและคนผิวขาวกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ  อีกทั้งบ้านเกิดของเขายังเป็นเขตที่มีการเลือกปฏิบัติระหว่างคนผิวดำและผิวขาวอย่างสูง มีการเฆี่ยนตีทาสผิวดำ ไล่ต้อนให้ออกไปทำงานในไร่ฯลฯ  เขาจึงเติบโตมาในบรรยากาศอันเข้มข้นของการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิแห่งความเสมอภาคของคนผิวสี

     คิงถูกฝึกให้เป็นคนที่มีความอดกลั้นและมีระเบียบวินัยมาตั้งแต่เด็ก เขาถูกห้ามไม่ให้ไปยังแหล่งของคนผิวขาว และถูกห้ามไม่ให้คบค้าสมาคมกับคนผิวขาว สิ่งแวดล้อมเหล่านี้เป็นตัวผลักดันให้เขาหันมาชื่นชม มหาตมะ คานธี ที่ต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมกันโดยใช้หลักอหิงสา และไม่ยอมรับแนวคิดการแบ่งแยกที่ไร้ความยุติธรรมนี้ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นคนที่อารมณ์เย็นขึ้น 

     คิงจบมัธยมปลายเมื่ออายุ 15 ปี หลังจากนั้น คิงสนใจที่จะเป็นทนายความจึงเข้าเรียนต่อที่ มหาวิทยาลัย มอร์เฮาส์ คอเลจ (Morehouse College) แต่พอเรียนถึงปีที่3 เขาตัดสินใจที่จะเป็นนักเทศน์ จึงเข้าเรียนต่อด้านศาสนาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยโครเซอร์ เซมิเนรี่ (Crozer Seminary)


     คิงได้เป็นผู้นำในการคว่ำบาตรไม่ยอมรับการแบ่งแยกคนผิวดำที่ไม่ให้โดยสารรถประจำทางร่วมกับคนผิวขาว ที่เมืองมอนต์โกเมอรีรัฐแอละแบมา และจัดประชุมผู้นำศาสนาคริสเตียนตอนใต้ ในระหว่างนี้เขาถูกจับขังคุกหลายครั้ง

     จนในวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ.1963 คิงเป็นผู้นำในการชุมนุมอย่างสันติที่อนุสาวรีย์ลินคอล์นในรัฐวอชิงตัน ดี.ซี. มีผู้เข้าร่วมถึง 200,000 คน



     ในการชุมนุมครั้งนี้ คิงได้กล่าวสุนทรพจน์ที่มีชื่อว่า "I have a dream" (ข้าพเจ้ามีความฝัน) เป็นสุนทรพจน์ที่มีชื่อเสียงที่ถูกจัดอันดับในลำดับหนึ่งของสุนทรพจน์ทั้งหมดที่เคยมีการแสดงมาในอเมริกา

     คิงกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้โดยไม่มีสไลด์ประกอบ หลายคนไม่เห็นหน้าตาของเขา ได้ยินเพียงแค่เสียงการปราศรัยที่ผ่านเครื่องขยายเสียง แต่สุนทรพจน์อันทรงพลังในครั้งนี้ กอปรด้วยถ้อยคำที่ราวกับบทกวี และความศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาที่เขานับถือ


     เนื้อความของสุนทรพจน์นี้มีว่า

“ ข้าพเจ้ายินดีที่ได้มาร่วมชุมนุมกับพวกท่านในวันนี้ ซึ่งจักกลายหน้าประวัติศาสตร์การชุมนุมเรียกร้องเสรีภาพครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติเรา

เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ชาวอเมริกันผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง ผู้ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์แผ่ร่มเงาแก่ผองเราซึ่งยืนอยู่ในที่แห่งนี้ ได้ลงนามในคำประกาศเลิกทาส กฎหมายฉบับนี้ประดุจดังดวงประทีปแห่งความหวังของทาสนิโกรนับล้าน ผู้ซึ่งถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิงอยุติธรรมที่เหยียดหมิ่น มันมาถึงประหนึ่งยามอรุณรุ่งอันน่าปรีดา ที่จะยุติค่ำคืนอันยาวนานแห่งการจองจำ

หากร้อยปีถัดมา, เราพานพบความจริงอันโหดร้ายว่าชาวนิโกรยังไม่เป็นไท
ร้อยปีให้หลัง, ชีวิตของนิโกรยังคงถูกพันธนาการด้วยการเหยียดผิว และถูกจองจำด้วยตรวนแห่งการเหยียดจำแนก
ร้อยปีถัดมา, ชนนิโกรยังดำรงชีพบนเกาะแห่งความยากจนอันโดดเดี่ยว ท่ามกลางมหาสมุทรที่ไพศาลไปด้วยความมั่งคั่งทางวัตถุ
ร้อยปีให้หลัง, นิโกรยังอ่อนระโหยอยู่ตามมุมต่างๆ ของสังคมอเมริกา และพบว่าตนถูกเนรเทศพ้นไปจากแผ่นดินของเขาเอง ดังนั้นเราทั้งหลายมาชุมนุมในวันนี้ เพื่อแสดงให้เห็นสภาพอันน่าอดสูนี้

ในฐานะที่เราเข้ามาในเมืองหลวงของชาติเราเพื่อเอาเช็คมาขึ้นเงินสด เมื่อครั้งที่เหล่าสถาปนิกแห่งสาธารณรัฐของเราจารึกถ้อยคำน่าประทับใจในรัฐธรรมนูญและประกาศอิสรภาพ นั่นหมายความว่าพวกเขาได้ลงนามในพันธสัญญาที่คนอเมริกันทุกผู้ต้องสืบทอดปณิธาน นี่เป็นบันทึกอันเป็นพันธะว่าเราทุกคนจะได้รับการประกันสิทธิ์ อันหาเพิกถอนได้แห่งชีวิต เสรีภาพ และการแสวงหาซึ่งความสุข

หากวันนี้ประจักษ์ชัดว่า อเมริกาได้บิดพลิ้วต่อพันธสัญญานี้ ตราบเท่าที่ยังคำนึงถึงสีผิวของพลเมืองในประเทศ แทนที่่จะเคารพข้อผูกพันอันศักดิ์สิทธิ์ อเมริกากลับให้เช็คเสียกับประชาชนนิโกร เช็คนี้ถูกส่งคืนพร้อมกับตราประทับว่า เงินไม่เพียงพอแต่เราปฏิเสธจะเชื่อว่าธนาคารแห่งความยุติธรรมได้ล้มละลายไปเสียแล้ว เราปฏิเสธจะเชื่อว่าไม่มีเงินเพียงพอภายใต้หลังคาที่ยิ่งใหญ่แห่งโอกาสของชาติเรา ดังนั้นเราจึงเดินทางมาที่นี่เพื่อขอขึ้นเงิน กับเช็คที่ตอบรับความต้องการในความมั่งคั่งแห่งเสรีภาพ และความมั่นคงของกระบวนการยุติธรรม

เรามายังสถานศักดิ์สิทธิ์นี้ เพื่อเตือนอเมริกาให้ระลึกถึงความเร่งด่วนอันร้อนแรงในทันทีนี้ หามีเวลาจะยึดติดความฟุ่มเฟือย หรือให้ยาระงับประสาทเพื่อให้เรื่องดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป
บัดนี้เป็นเวลาที่ต้องทำให้คำมั่นแห่งประชาธิปไตยเป็นจริงขึ้นมา
บัดนี้เป็นเวลาที่ต้องลุกขึ้นจากความมืดมน และหุบผาที่ถูกทิ้งร้างแห่งการแบ่งแยกสีผิว ไปบนหนทางอันเจิดจรัสแห่งความยุติธรรมทางเชื้อชาติ
บัดนี้เป็นเวลาที่จะเปิดประตูแห่งโอกาสให้แก่บุตรของพระผู้เป็นเจ้าทุกผู้ทุกนาม
บัดนี้เป็นเวลาที่จะยกระดับชาติของเราจากหล่มปลักแห่งความยุติธรรมทางเชื้อชาติ ไปยังภูผาอันแกร่งกล้าแห่งภราดรภาพ

มันจะกลายเป็นหายนะแก่ประเทศชาติหากมองข้ามห้วงยามแห่งความเร่งด่วน และประเมินความต้องการของชาวนิโกรต่ำไป คิมหันต์อันอบอ้าวจากความไม่พอใจอันชอบธรรมของชาวนิโกรจะไม่ผ่านพ้นไป ตราบจนกระทั่งฤดูใบไม้ร่วงอันมีชีวิตชีวาแห่งเสรีภาพและความเท่าเทียมกันจะมาถึง ปี 1963 หาใช่จุดสิ้นสุด หากแต่เป็นจุดเริ่ม ผู้ที่หวังว่านิโกรต้องการเพียงที่จะระเบิดอารมณ์แล้วก็จะพอใจ คนกลุ่มนั้นจะอยู่ในสภาพตะลึงงันหากประเทศชาติยังคงดำเนินไปตามที่มันเป็น จะไม่มีการหยุดพักหรือความสงบในประเทศอเมริกาจนกว่าชนนิโกรจะได้รับสิทธิ์ในความเป็นพลเมืองอย่างแท้จริง ความปั่นป่วนจากการจลาจลจะดำเนินต่อไปเพื่อสั่นคลอนรากฐานของชาติเรา จนกว่าวันที่สดใสแห่งความยุติธรรมจักปรากฏ

แต่มีบางสิ่งที่ข้าพเจ้าอยากกล่าวกับประชาชนของข้าพเจ้าผู้ซึ่งยืนอยู่ตรงธรณีประตูอันอบอุ่น ซึ่งจะนำเราไปยังพระราชวังแห่งความยุติธรรม ในขั้นตอนการได้มาซึ่งสถานะอันมีสิทธิ์ เราต้องปราศจากมลทินแห่งการกระทำอันผิดพลาด เราต้องไม่แสวงหาความพอใจในการดับความกระหายเสรีภาพของเรา ด้วยการดื่มกินจากถ้วยแห่งความขมขื่นและความเกลียดชัง

เราต้องดำเนินการต่อสู้ตลอดไปบนพื้นฐานอันสูงส่งของเกียรติยศและวินัย
เราต้องไม่อนุญาตให้การประท้วงที่สร้างสรรค์ของเรากลายเป็นการใช้ความรุนแรงทางกายภาพ
ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม เราต้องยืนหยัดอย่างสง่างาม ในหลักการหลอมรวมระหว่างพลังทางกายและพลังทางจิตวิญญาณอันสูงส่ง
ความเข้มแข็งอันน่าอัศจรรย์ครั้งใหม่ ซึ่งมันปกคลุมทั้งผองชนนิโกร จะต้องไม่นำเราไปสู่ความไม่ไว้วางใจของคนขาวทั้งปวง เพราะพี่น้องคนขาวหลายคน ดังประจักษ์พยานของการปรากฎตัวของพวกเขาในวันนี้ ได้ยืนยันว่าโชคชะตาของพวกเขาได้ผูกพันกับโชคชะตาของเรา และเสรีภาพของพวกเขา เป็นพันธะที่ตรึงแน่นกับเสรีภาพของเรา

เราไม่อาจเดินได้เพียงลำพัง ขณะที่เราเดิน เราต้องให้คำมั่นว่าเราก้าวไปข้างหน้า เราไม่อาจหันหลังกลับได้ มีคนถามผู้นับถือสิทธิพลเมืองว่า เมื่อไหร่พวกคุณจึงจะพอใจ?”
เราไม่อาจพอใจได้ ตราบใดที่ชาวนิโกรยังเป็นเหยื่อจากความหวาดกลัวอันไม่อาจเอ่ยถึงของตำรวจที่โหดร้าย
เราไม่อาจพอใจได้ ตราบใดที่ร่างกายเราอันเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แล้วยังไม่อาจเข้าพักในโรงแรมบนทางหลวง หรือโรงแรมในตัวเมืองได้
เราไม่อาจพอใจได้ ตราบใดที่ยังมีการเคลื่อนย้ายฐานของพวกนิโกรออกจากพื้นที่ชุมชนแออัดไปจนถึงชุมชนขนาดใหญ่
เราไม่อาจพอใจได้ ตราบใดที่ลูกหลานเรายังถูกปลดเปลือยตัวตน และถูกช่วงชิงศักดิ์ศรีไปด้วยการแขวนป้ายที่ระบุว่า สำหรับคนขาวเท่านั้น
เราไม่อาจพอใจได้ ตราบใดที่คนนิโกรในมิซซิสซิปปี้ ปราศจากสิทธิ์ออกเสียง และคนนิโกรในนิวยอร์คเชื่อว่าไม่มีใครที่ควรจะลงคะแนนให้
ไม่หรอก ไม่มีทางที่เราจะพอใจ และเราไม่อาจพอใจตราบจนความยุติธรรมหลั่งรินลงมาดุจหยาดน้ำ และความเที่ยงธรรมหลั่งไหลดุจสายน้ำอันเชี่ยวกราก

ข้าพเจ้าไม่อาจเมินเฉยต่อความจริงที่ว่า
พวกท่านบางคนมาถึงนี่ด้วยความทรมาน และความยากแค้น
พวกท่านบางคนเพิ่งมาจากห้องขังอันคับแคบ
พวกท่านบางคนมาจากห้องที่ซึ่ง การแสวงหาซึ่งเสรีภาพได้ทิ้งท่านไว้กับการทุบตีด้วยพายุแห่งการข่มเหง และการต้องโซซัดโซเซจากสายลมแห่งความป่าเถื่อนของตำรวจ
ท่านกลายเป็นผู้ทุกข์ทรมานมามาก จงดำเนินการต่อไปด้วยความศรัทธาว่าความทุกข์ยากที่มิได้ก่อนี้จะถูกปลดเปลื้อง

จงกลับไปยังมิสซิสซิปปี้
จงกลับไปยังอลาบาม่า
จงกลับไปยังเซาธ์แคลิฟอร์เนีย
จงกลับไปยังจอร์เจีย
จงกลับไปยังหลุยเซียน่า
จงกลับไปยังสลัมและชุมชนแออัดในเมืองทางเหนือของเรา และจงรู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้สามารถและจักเปลี่ยนแปลงไปด้วยวิธีการใดวิธีหนึ่ง

จงอย่าจมปลักอยู่ในหุบผาแห่งความหดหู่ ข้าพเจ้าขอกล่าวกับพวกท่านในวันนี้ เพื่อนเอ๋ย หากแม้ความลำบากที่เราเผชิญในวันนี้และวันพรุ่ง ข้าพเจ้าจะยังมีความฝัน ความฝันซึ่งฝังรากลึกอยู่ในความฝันแห่งอเมริกันชน

ข้าพเจ้ามีความฝันว่า วันหนึ่งประเทศนี้จะหยัดยืนขึ้นและจรรโลงความหมายที่แท้จริงของบทบัญญัติทางศาสนาที่ว่า เรายึดถือความจริงเหล่านี้เป็นการยืนยันว่ามนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน
ข้าพเจ้ามีความฝันว่าวันหนึ่งบนเนินเขาสีแดงในจอร์เจีย บุตรของทาสกับบุตรของอดีตเจ้าทาสจะนั่งร่วมโต๊ะแห่งภราดรภาพได้
ข้าพเจ้ามีความฝันว่า วันหนึ่งแม้แต่รัฐมิสซิสซิปปี้ซึ่งอวลไปด้วยไอแห่งอยุติธรรม ระอุไปด้วยความร้อนแรงแห่งการกดขี่ จะแปรเปลี่ยนเป็นที่ชุ่มชื้นแห่งเสรีภาพและความยุติธรรม
ข้าพเจ้ามีความฝันว่าในวันหนึ่งลูกๆ ทั้งสี่คนของข้าพเจ้าจะอาศัยอยู่ในชาติที่พวกเขาไม่ถูกพิพากษาจากสีผิว แต่ด้วยสาระแห่งอุปนิสัยของเขา

ข้าพเจ้ามีความฝันในวันนี้
ข้าพเจ้ามีความฝันว่า วันหนึ่งในอลาบาม่า ที่ซึ่งมีการเหยียดชาติอย่างชั่วร้าย ที่ซึ่งมีผู้ว่าการรัฐกำลังเปล่งวาจาขัดขวางและล้มล้างเราอยู่นั้น สักวันหนึ่งเด็กชายผิวดำและเด็กหญิงผิวดำตัวน้อย จะสามารถเกี่ยวก้อยกับเด็กชายผิวขาวและเด็กหญิงผิวขาวตัวน้อย ได้ดุจดังพี่น้องกัน

ข้าพเจ้ามีความฝันในวันนี้

ข้าพเจ้ามีความฝันว่าวันหนึ่งทุกหุบผาจะถูกยกให้สูงขึ้น พร้อมกันนั้นทุกเนินเขาและภูผาจะถูกทำให้ราบลงมาเสมอกัน พื้นที่อันขรุขระถูกถางเป็นทางราบ ทางคดเคี้ยวถูกทำให้เป็นเส้นตรง เมื่อนั้นเสียงแซ่ซ้องแห่งพระเป็นเจ้าจะถูกเปล่งขึ้น และผองเราจะเห็นเวลานั้น

นี่เป็นความหวังของเรา นี่เป็นศรัทธาของเราซึ่งข้าพเจ้าจะนำกลับไปทางใต้
ด้วยศรัทธานี้เราจะสกัดหุบเขาแห่งความหดหู่ ออกเป็นศิลาแห่งความหวัง
ด้วยศรัทธานี้เราจะเปลี่ยนเสียงเสียดหูแห่งความบาดหมางในชาติเรา ให้เป็นเสียงเพลงอันแสนหวานแห่งภราดรภาพ

ด้วยศรัทธานี้เราจะสามารถทำงานร่วมกัน สวดมนต์ด้วยกัน ต่อสู้ร่วมกัน ถูกจองจำร่วมกัน หยัดยืนเพื่อเสรีภาพร่วมกัน เพราะเรารู้ว่าเราจะมีเสรีภาพไม่วันใดก็วันหนึ่ง

วันนี้ก็คือวันที่ว่า, นี่เป็นวันที่บุตรแห่งพระผู้เป็นเจ้าจะขับขานด้วยความหมายใหม่กับบทเพลงที่ว่า ประเทศของข้าฯ ข้าฯขอขับขานบทเพลงแห่งเสรีภาพอันแสนหวานแด่ท่าน ดินแดนที่บรรพบุรุษของข้าฯฝังร่าง ดินแดนแห่งความภาคภูมิใจของผู้แสวงบุญ ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานจากทุกขุนเขา

และหากอเมริกาจะเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ สิ่งเหล่านี้ต้องเป็นจริง
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากยอดเขาอันไพศาลแห่งนิวแฮมเชียร์
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากภูเขาที่ทรงพลังแห่งนิวยอร์ค
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากที่ราบสูงอัลเลเกนิสแห่งเพนซิลวาเนีย
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากขุนเขาร็อคกี้ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะแห่งโคโลราโด
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากเนินเขาอันคดเคี้ยวแห่งแคลิฟอร์เนีย

ไม่ใช่เพียงเท่านี้

ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากภูเขาสโตนแห่งจอร์เจีย
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากภูเขาลุคเอ๊าท์แห่งเทนเนสซี
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากทุกด้าน และทุกเนินเขาและทุกเนินดินทุกแห่งในมิสซิสซิปปี้

ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวาน และเมื่อสิ่งนี้บังเกิดขึ้น เมื่อเราบันดาลให้เสรีภาพดังกังวาน เมื่อเราให้เสรีภาพก้องกังวานจากทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน จากทุกรัฐ ทุกเมือง เราอาจจะเร่งวันเวลาที่บุตรของพระผู้เป็นเจ้า ทั้งคนดำคนขาว ทั้งพวกยิว คนศาสนาอื่น ทั้งคาธอลิคทั้งโปรเตสแตนท์ จะสามารถจับมือกันและขับขานบทเพลงเป็นถ้อยคำจากบทสวดในทางจิตวิญญาณอันเก่าแก่ของพวกนิโกรได้ว่า เสรีภาพในที่สุด เสรีภาพในที่สุด ขอขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงมหิทธานุภาพ พวกเราจะมีเสรีภาพในที่สุด” ”

     แม้จะเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เขาถูกลอบสังหารในอีกห้าปีให้หลังจากสุนทรพจน์ครั้งประวัติศาสตร์ในตอนนั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอเมริกายังมีความคิดการแบ่งแยกสีผิวอย่างรุนแรงฝังรากลึกในชนชาติอยู่ไม่น้อย แต่ก็ต้องนับว่าการเคลื่อนไหวและสุนทรพจน์ "I have a dream" ของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ได้เปลี่ยนอเมริกาจากเมื่อ 45 ปีที่แล้วไปมาก เพราะอีก 45 ปีถัดมา วันที่ 4 พฤศจิกายน 2008 (เวลาเที่ยงคืนในไทย) ชาวอเมริกันจะลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ชาวผิวดำได้รับสิทธิ์ความไว้วางใจให้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา



ขอบคุณข้อมูลทั้งหมดจาก http://www.siamintelligence.com/
http://www.learners.in.th/blogs/posts/261558 , วิกิพีเดีย
และคลิปจาก youtube /Italandveganworld/

ใบงานที่1 แบบสำรวจและประวัตินักเรียน